PDPA

ประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำหรับกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย


       นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) ฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อแจ้งให้ท่านทราบเกี่ยวกับการที่ บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (ซึ่งจะเรียกต่อไปว่า “บริษัทฯ” “เรา” หรือ “ของเรา”) ใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อเฝ้าดูแลภายในและรอบสถานที่ อาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ และ/หรือพื้นที่จัดกิจกรรม และ/หรือศูนย์บริการ และ/หรือสถานที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของ บริษัทฯ เพื่อคุ้มครองชีวิต สุขภาพ ร่างกาย และทรัพย์สินของท่าน เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงาน กรรมการ ผู้รับจ้าง คนงาน ผู้มาเยือน ลูกค้า หรือบุคคลใดๆ (เรียกรวมกันว่า “ท่าน” หรือ “ของท่าน”) ที่เข้าถึงพื้นที่ที่มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในอาคาร และสถานที่ภายนอกอาคารของเรา

       นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะอธิบายเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือการโอนไปยังต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ (“ข้อมูลส่วนบุคคล”)

บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ทุกเมื่อโดยใช้ดุลยพินิจของบริษัทฯ  แต่เพียงผู้เดียวในการเปลี่ยนแปลง ทบทวน ลบ และปรับปรุงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บริษัทฯ จะใช้ความพยายามตามสมควรในการแจ้งให้ท่านทราบด้วยวิธีการที่เหมาะสมหากมีการเปลี่ยนแปลงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

บริษัทฯ เก็บรวบรวมภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของท่าน รูปภาพ และ/หรือเสียงซึ่งอาจรวมถึงทรัพย์สิน เช่น ยานพาหนะของท่าน หรือแหล่งข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่เห็นได้จากวิดีโอจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเมื่อมีการเข้าถึงพื้นที่ที่มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดภายในอาคารและสถานที่ของเรา

  1. เหตุใดเราจึงเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

2.1 เราจะไม่เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย โอน และดำเนินการใดๆ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการบันทึก ถือครอง ปรับเปลี่ยน ดัดแปลง แก้ไข ทำลาย ลบ กู้คืน รวม ทำสำเนา ส่ง เก็บรักษา แยก เปลี่ยน หรือเพิ่ม กับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์ด้านล่างนี้ (“วัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด”) โดยไม่ได้รับการได้รับการยินยอมจากท่าน ยกเว้นกรณีดังต่อไปนี้

      (1) เพื่อประโยชน์ต่อชีวิต เป็นเรื่องจำเป็นต่อการขัดขวาง ป้องกัน และ/หรือ ระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของบุคคล เช่น เพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงทรัพย์สินของท่าน

      (2) ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเรา (1) ในการคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยของท่าน รวมถึงทรัพย์สินของของท่าน อาคาร สถานที่ และทรัพย์สินของเราจากความเสียหาย ความขัดข้อง การทำลายทรัพย์สิน และอาชญากรรมอื่นๆ (2) เพื่อช่วยเหลือแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในกระบวนการทางวินัยหรือกระบวนการยุติเรื่องร้องทุกข์อย่างมีประสิทธิภาพ (3) เพื่อช่วยเหลือในการสอบสวนและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเบาะแส (4) เพื่อช่วยเหลือในการเริ่มหรือต่อสู้คดี ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ คดีแรงงาน และ (5) เพื่อการกระทำการอื่นใดให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

      เราจะยังคงพยายามสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายและประโยชน์ของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี รวมถึงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของท่านในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกจากนี้เราจะยังใช้ความพยายามในการหาขั้นตอนวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งความสมดุลดังกล่าว และ

      (3) การปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ การให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ หน่วยงานรัฐ และ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน เราถือว่าการใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิดเป็นมาตรการที่จำเป็นที่จะทำให้เราสามารถปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้ เช่น เพื่อสนับสนุนหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการขัดขวาง ป้องกัน และตรวจจับอาชญากรรม รวมถึงการฟ้องร้องเมื่อเกิดอาชญากรรม

2.2 เราจะติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในที่ที่เห็นได้ง่าย

2.3 กล้องโทรทัศน์วงจรปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี และจะมีการบันทึกทั้งแบบมีเสียงและไม่มีเสียง

  1. บุคคลใดที่เราจะเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3.1 เราจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นความลับ และจะไม่เปิดเผยหรือโอนข้อมูลดังกล่าวแก่ผู้ใด ยกเว้นบริษัทย่อย บุคคลภายนอกที่เราคัดเลือกอย่างระมัดระวังทั้งปัจจุบันและอนาคต ผู้ได้รับสิทธิ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้

3.2 เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บุคคลที่เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ

      (1) บริษัทย่อยของเรา เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทย่อยของเราเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเราและประโยชน์ของบริษัทย่อย เพื่อทำตามวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด

      (2) หน่วยงานรัฐ และ/หรือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อสนับสนุนหรือช่วยเหลือหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในการสอบสวนหรือฟ้องร้องในคดีแพ่งหรืออาญาหรือปกครอง

      (3) บุคคลภายนอก เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของท่าน รวมถึงทรัพย์สินของท่าน

  1. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ

4.1 เราอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการปกป้องชีวิต สุขภาพ ร่างกาย และ/หรือทรัพย์สินของท่าน การเปิดเผยหรือการโอนข้อมูลดังกล่าวจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านเท่านั้น ยกเว้นกรณีที่มีฐานทางกฎหมายที่สำคัญอื่นๆ (เช่น เพื่อปฏิบัติตามข้อกำหนดทางสัญญาระหว่างเราและบุคคลอื่นเพื่อประโยชน์ของท่าน) ตามที่กฎหมายที่บังคับใช้อนุญาต

4.2 ถ้าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกโอนไปยังประเทศปลายทางที่มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงพอตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลของประเทศไทยกำหนด เราจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่โอนไปยังบุคคลอื่นในต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูลนั้นได้รับการคุ้มครองในระดับเดียวกับที่เราคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับใช้อยู่ในขณะนั้น

  1. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

5.1 เราใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยเชิงองค์กร เทคนิค และบริหารจัดการเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจากความเสียหาย ความสูญเสีย การทำลาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง และ การเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือโดยปราศจากอำนาจ

5.2 เราจะทำการตรวจสอบและปรับปรุงมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของเราเป็นครั้งคราวตามที่จำเป็นหรือเมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยมีประสิทธิภาพและเหมาะสม และเป็นไปตามข้อกำหนดขั้นต่ำของกฎหมายตามที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องประกาศกำหนด

  1. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามหน้าที่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ระบุในประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ ในกรณีที่มีการดำเนินการทางศาลหรือทางวินัย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งรวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ในการยื่นอุทธรณ์ด้วย หลังจากนั้นข้อมูลจะถูกลบหรือเก็บถาวรตามที่กฎหมายที่บังคับใช้อนุญาต

  1. สิทธิทางกฎหมายของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในบางกรณี เราอาจขอให้ท่านยืนยันตัวตนของท่านก่อนดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยของท่าน

ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ใช้บังคับ ท่านอาจมีสิทธิตามที่ระบุไว้ดังนี้

      (1) สิทธิในการเข้าถึง ท่านอาจมีสิทธิในการขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยเกี่ยวกับท่าน ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยของท่าน เราอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนจะให้ข้อมูลตามที่ท่านขอ

      (2) สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจมีสิทธิขอให้มีการดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราได้เก็บรวบรวม ใช้ เก็บรักษา เปิดเผย และโอนไปยังต่างประเทศให้ ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

      (3) สิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เรามีเกี่ยวกับท่านในรูปแบบที่มีการจัดระเบียบแล้วและสามารถอ่านได้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเพื่อส่งหรือโอนข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยต้องเป็น (ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้กับเรา และ (ข) กรณีที่เราได้รับความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่เรามีกับท่าน

      (4) สิทธิในการคัดค้านการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในบางรายการ

      (5) สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี

      (6) สิทธิในการถอนความยินยอม: สำหรับวัตถุประสงค์ที่ท่านได้ให้ความยินยอมให้เราเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมของท่าน

      (7) สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูล ท่านอาจมีสิทธิขอให้เราดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เราเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผย เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล เว้นเสียแต่ว่า การเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวของเรานั้นเป็นไปเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือ เพื่อการใช้ หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

      (8) สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน ท่านอาจมีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจในกรณีที่ท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเรานั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับ

  1. รายละเอียดในการติดต่อเรา

หากท่านต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่ระบุด้านบน หรือถ้าท่านมีข้อสงสัย ข้อคิดเห็น และ/หรือคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ประกาศนี้โปรดติดต่อ ตัวแทนฝ่ายบริหารด้านการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล Data Protection Management Representative : DPMR

เบอร์ติดต่อ 02-2953361-4  วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.30 น.

Fax 02-2953365 ตลอด 24 ชั่วโมง

Email info@sivarom.co.th

นโยบายนี้ได้รับอนุมัติโดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2565 เมือวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565